หลักการและเหตุผล

     การบริหารธุรกิจและองค์กรในยุคปัจจุบันไม่อาจเหมือนเดิม และไม่สามารถหยุดนิ่งได้ โลกในยุคโลกาภิวัฒน์ทำให้ธุรกิจการค้าไม่ได้จำกัดอยู่แต่เฉพาะในประเทศเท่านั้น แม้เราจะอยู่ในประเทศของเรา แต่คู่แข่งทั้งในและต่างประเทศต่างก็รุกคืบเข้ามาแข่งขันในทุกๆ มิติ ทำให้กระทบต่อธุรกิจภายในประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้จะมีปัจจัยต่างๆ และสภาพแวดล้อมในเชิงบวกที่สร้างโอกาสให้กับประเทศไทยและธุรกิจไทยมากมายก็ตามแต่ผู้นำองค์กรและผู้บริหารธุรกิจของไทยยังต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงและความเสี่ยงใหม่ๆ ที่อุบัติขึ้น ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยี (technology disruption) โรคอุบัติใหม่ อย่างเช่น COVID-19 ที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของผู้คนเกิดยุค New Normal ซึ่งทำให้ภาครัฐและภาคธุรกิจไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องปรับวิธีการทำงานและรูปแบบการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้สอดคล้องกับ พฤติกรรมต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป

     แต่การเปลี่ยนแปลงและผลกระทบยังไม่หยุดอยู่แค่นี้ เพราะโลกเราไม่เคยหยุดนิ่ง ปัจจัยที่สำคัญ ประการหนึ่ง ที่เชื่อมโยงกับทุกองค์กรทั้งภาครัฐและภาคธุรกิจอย่างไม่สามารถปฏิเสธได้ คือกฎกติกาทางกฎหมาย ซึ่งอาจเป็นทั้งความเสี่ยง อุปสรรค โอกาสและความท้าทาย ซึ่งอยู่ที่ว่าผู้นำขององค์กรและผู้บริหารธุรกิจ จะรู้จักใช้ประโยชน์จากปัจจัยนี้ให้เกิดประสิทธิภาพได้อย่างไร ในทางตรงกันข้าม หากไม่เข้าใจ มองข้ามปัจจัยนี้ และบริหารจัดการไม่เป็น แม้ฝันว่าจะไปให้ไกลสุดขอบฟ้า ก็ยากจะบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ฝันได้

     กฎหมายเกี่ยวข้องกับทุกขั้นตอนในการประกอบธุรกิจ ทุกขั้นตอนของการดำเนินงานขององค์กรต่างๆ ล้วนมีกฎหมายกำหนดกฎกติกาทั้งสิ้น และเนื่องจากปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลงในทุกมิติ จึงมีการปรับปรุงกฎ กติกาและมีกฎหมายใหม่ๆ ออกมาเป็นจำนวนมาก ไม่เพียงแต่เท่านั้น ในยุคของการทำธุรกิจข้ามพรมแดนมีการค้าการลงทุนทั้ง inbound และ outbound ก็ต้องเผชิญกับกฎเกณฑ์และข้อจำกัดทางการค้าระหว่างประเทศ ตลอดจนมาตรฐานสากลต่างๆ ที่ธุรกิจของไทยต้องปฏิบัติตาม นอกจากนี้ หากธุรกิจมีปัญหาจะมีกลไกในการป้องกัน หรือแก้ไขปัญหาอย่างไรไม่ให้ลุกลามบานปลาย นอกจากชั้นเชิงในแง่การบริหารธุรกิจแล้วยังจะต้องรู้มาตรการทางกฎหมายที่จะเข้ามาช่วยผ่าทางตันให้เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ได้

     แน่นอนที่สุด pain-points ที่ผู้นำองค์กรหรือผู้บริหารของภาคธุรกิจซึ่งไม่ใช่นักกฎหมายอาจจะมีความรู้สึกที่ไม่ดีนักต่อกฎหมายคือตัวบทกฎหมายมีความซับซ้อน อ่านเข้าใจยาก บางครั้งสอบถามนักกฎหมายหลายคน แต่กลับตีความไปคนละทิศละทาง ผู้นำองค์กรบางท่านถึงกับมองว่ากฎหมายและนักกฎหมายมีส่วนทำให้องค์กรไม่สามารถเดินหน้าไปได้ จนกลายเป็นความเสี่ยงอีกตัวหนึ่งที่กระทบต่อการบริหารจัดการธุรกิจหรือองค์กรที่เรียกว่า legal risk และสิ่งที่เป็นจุดอ่อนอีกประการหนึ่งคือ ถ้าต้องการจะเข้าใจกฎหมายให้เร็ว ต้องการจะทราบว่ากฎหมายเกี่ยวข้องกับองค์กรและธุรกิจอย่างไร และจะสามารถนำกฎหมายมาแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการธุรกิจได้อย่างไร หลักสูตรการเรียนการสอนในปัจจุบันก็ยังมีข้อจำกัด โดยหลักสูตรทางธุรกิจที่มีอยู่ มักเน้นเทคนิคการบริหารจัดการทางธุรกิจเพียงอย่างเดียว ขณะที่หลักสูตรทางกฎหมาย ก็เน้นการสร้างความรู้ความเข้าใจกฎหมายเฉพาะทาง ทำให้ในปัจจุบันยังไม่มีหลักสูตรใดที่เชื่อมมิติทางกฎหมายกับมิติในการบริหารธุรกิจเข้าด้วยกันโดยใช้ธุรกิจนำหน้าและใช้กลไกทางกฎหมายเป็นตัวช่วยขับเคลื่อนหรือช่วยแก้ปัญหา

     คณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ด้วยความพร้อมเรื่อง knowhow ทางด้านความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายและสหวิทยาการที่เกี่ยวข้องทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ นอกจากจะมุ่งสร้างผู้นำด้านกฎหมายที่มีคุณภาพและคุณธรรมเป็นเลิศแล้ว ยังมีภารกิจในการบูรณาการนวัตกรรมแห่งการเรียนรู้กฎหมายให้ก้าวทันและก้าวล้ำในโลกแห่งความเป็นจริงและอนาคต ซึ่งรวมถึงการให้ความรู้กฎหมายแก่ประชาชนผู้ที่ไม่ใช่เป็นนักกฎหมาย ดังนั้น จากเหตุผลต่างๆ ดังที่กล่าวมาข้างต้นจึงเป็นเหตุผลของการจัดทำโครงการศึกษาอบรมหลักสูตร“สุดยอดการบริหารธุรกิจด้วยกฎหมายสำหรับผู้นำองค์กร” (Super Legal Business Administration Leadership Program หรือ Super LBA) ให้เป็นนวัตกรรมแห่งการเรียนรู้ในมิติใหม่ที่บูรณาการศาสตร์ทางด้านการบริหารธุรกิจกับศาสตร์ทางด้านกฎหมายและเทคโนโลยีไว้ด้วยกัน เพื่อให้ผู้บริหารระดับสูง ในระดับ ผู้นำองค์กรทั้งภาครัฐและภาคธุรกิจได้รับความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพัฒนาการใหม่ๆความเสี่ยงที่อุบัติใหม่ พัฒนาการทางด้านเทคโนโลยี ประเด็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องตลอดจนประเด็นปัญหาอุปสรรคต่างๆ และกลยุทธ์ในการนำกฎหมายไปช่วยบริหารจัดการธุรกิจ องค์กร และความเสี่ยงต่างๆ รวมทั้งเสริมสร้างการเป็นผู้นำที่มีคุณธรรม จริยธรรม และการบริหารจัดการเชิงสร้างสรรค์ และจากความสำเร็จของหลักสูตร Super LBA รุ่นที่ 1 ตลอดจนประสบการณ์การจัดหลักสูตรและข้อเสนอแนะต่างๆ จากการวิพากษ์หลักสูตรฯ จึงมีการนำมาต่อยอดเป็นหลักสูตร Super LBA รุ่นที่ 2 ซึ่งเป็นผลจากการปรับปรุง และเพิ่มเติมหลักสูตร Super LBA รุ่นที่ 1 จนมีความสมบูรณ์และทันสมัยยิ่งขึ้น

หลักสูตรสุดยอดการบริหารธุรกิจด้วยกฎหมายสำหรับผู้นำองค์กร (Super Legal Business Administration Leadership Program) รุ่นที่ 2 แบ่งออกเป็น 8 Modules ดังนี้

คู่มือหลักสูตร